Hydroinlove
 เข้าสู่ระบบ - สมัครสมาชิก  |  
 ตะกร้าสินค้า (0)

z

Welcome to Hydro in love......................................

                                                                   

 

Hydro in love

           ไฮโดรอินเลิฟ เปลี่ยนบ้านทาวน์เฮาส์หลังเล็กที่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่ในสังคมเมือง ให้กลายเป็นพื้นที่ปลูกผัก ที่มีความสด สะอาด ปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจของสุขภาพ        เราใส่ใจในทุกขั้นตอนตั้งแต่กระบวนการปลูก  จนได้ผักที่มีคุณภาพ เพื่อให้คุณและครอบครัวที่คุณรักได้บริโภคผักปลอดภัยอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ไฮโดรอินเลิฟได้ทำการศึกษาและปรับเปลี่ยนแนวคิดของการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ที่แสนจะยุ่งยากและต้นทุนสูง ให้กลายเป็นแปลงผักของครอบครัวที่ง่ายต่อการปลูกและใช้วัสดุอื่นทดแทนเพื่อลดต้นทุน ทำให้ผักสดของเราเป็นผักที่มีคุณภาพและราคาถูกกว่าท้องตลาด

 

การปลูกพืชระบบ hydroponics   

         ไฮโดรโปนิกส์ คือ การปลูกผักโดยไมใช้ดิน หมายถึง การปลูกผักที่เลียนแบบการปลูกพืชบนดิน โดยการปลูกพืชลงบนวัสดุปลูกหรือไม่ต้องมีวัสดุปลูกก็ได้ เพื่อให้พืชได้รับสารอาหารหรือสารละลายธาตุอาหารพืช ที่พืชต้องการจากทางราก

          การปลูกผักในระบบไฮโดรโปนิกส์ เป็นการปลูกพืชในสภาพที่สามารถควบคุมสิ่งแวดล้อม ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช และสิ่งแวดล้อม จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ได้จากกระบวนการผลิตแบบ ไฮโดรโปรนิกส์ จะสด สะอาด ปราศจากสารพิษทั้งจากดินและยาฆ่าแมลง จึงบริโภคได้อย่างปลอดภัย

  ไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics) เป็นคำผสมระหว่างคำ 3 คำ คือ

ไฮโดร (hydro)                             หมายถึงน้ำ  

โปโนส (ponos) เป็นคำภาษากรีก        หมายถึงการทำงาน

อิกส์ (ics)                                    หมายถึงศาสตร์หรือศิลปะ

  

ซึ่งเมื่อรวมคำทั้ง 3 คำเข้าด้วยกัน  จึงมีความหมายตามรูปศัพท์ว่า ศาสตร์หรือศิลปะว่าด้วยการทำงานของน้ำ

 

 ปัจจุบัน การปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะการปลูกพืชในน้ำ (water culture) เท่านั้น บางกรณีมีการใช้วัสดุปลูก (substrate) ทดแทนดินทั้งหมดและรดด้วยสารละลายธาตุอาหารพืช ซึ่งเรามักเรียกว่า ซับส์เทรต คัลเจอร์ หรืออาจใช้วิธีการอื่นๆในลักษณะเดียวกัน  ซึ่งอาจเรียกโดยรวมว่า การปลูกโดยไม่ใช้ดิน หรือการปลูกพืชไร้ดิน (soilless culture) 

  

ด้วยเหตุนี้ ไฮโดรโปนิกส์ จึงป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการปลูกพืชให้มีคุณภาพ มีความสมํ่าเสมอ เนื่องจากสามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ที่ให้แก่พืชได้อย่างเหมาะสม  วิธีการปลูกพืชแบบนี้สามารถปลูกพืชในพื้นที่ที่ไม่มีดินหรือดินมีปัญหา บริเวณรอบๆเมืองใหญ่ ผู้คนอยู่หนาแน่น การปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์จะใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ผลผลิตมาก และสามารถปลูกพืชได้หลากหลายชนิด เช่นสลัดต่างประเทศ ผักไทย ผักจีน ฯลฯ

           การปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารที่มีองค์ประกอบของธาตุต่างๆ ที่พืชต้องการอย่างเหมาะสม ส่วนวัสดุที่ใช้พยุงส่วนของลำต้นอาจเป็นตาข่าย โฟม ฟองน้ำ ฯลฯ ซึ่งจะอยู่ส่วนบนของสารละลาย ตัวอย่างการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ได้แก่

  

 

1.       ระบบ Nutrient Film Technique (NFT) เป็นการปลูกแบบให้สารละลายธาตุอาหารไหลเวียนผ่านรากเป็นแผ่นบางๆ บนรางปลูกอย่างต่อเนื่อง

2.       ระบบ Dynamic Root Floating Technique (DRFT) เป็นการปลูกแบบให้สารละลายธาตุอาหารไหลเวียนผ่านรากพืชในระดับน้ำลึกอย่างต่อเนื่องในแปลงปลูก

 

 

ข้อดี-ข้อเสีย ของการปลูกพืชด้วยระบบ Hydroponics

ข้อดี

  • สามารถปลูกพืชในพื้นที่มีปัญหาเรื่องดินหรือสภาพล้อมไม่เหมาะสมต่อการเพาะปลูก
  • ใช้พื้นที่เพาะปลูกน้อย สามารถทำการเพาะปลูกได้สม่ำเสมอ
  • ประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายในการเตรียมดินและกำจัดวัชพืช
  • ปลูกพืชได้ต่อเนื่องในพื้นที่เดิมได้ตลอดทั้งปี
  • พืชเจริญเติบโตได้เร็วและให้ผลผลิตที่มากกว่าการปลูกแบบธรรมดา ประมาณ 2 สัปดาห์
  • ขจัดปัญหาเกี่ยวกับศัตรูพืชที่เกิดจากดิน
  • สามารถใช้น้ำและธาตุอาหารพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
  • สามารถควบคุมปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืชได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ข้อเสีย

  • ใช้ต้นทุนการผลิตเริ่มต้นค่อนข้างสูง เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์มาก และมีราคาสูง
  • ผู้ปลูกต้องมีความชำนาญและมีประสบการณ์มากพอสำหรับการดูแลควบคุมการปลูก
  • ต้องการการควบคุมดูแลอย่างสม่ำเสมอ
  • วัสดุปลูกบางชนิดอาจเน่าเปลื่อยย่อยสลายตัวยากกว่า ทำให้ต้องมีการจัดการส่วนนี้เพิ่มเติม

 

เมล็ดพันธุ์ผักสลัด

     เมล็ดพันธุ์ผักสลัดที่ใช้ปลุกในระบบ hydroponics แยกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

1. เมล็ดพันธุ์แบบไม่เคลือบ (Raw seed)

     - เมล็ดพันธุ์ผ่านกระบวนการลดความชื้นและทำความสะอาดมาแล้ว

     - บางครั้งจะมีการคลุกสารช่วยต้านทานเชื้อโรคในระยะแรกของการงอก(ควรสอบถามจากผู้ขาย)

     - อายุการเก็บรักษานานกว่าเมล็ดพันธุ์แบบเคลือบ

     - อัตราการงอกจะลดลงเรื่อยๆ จึงไม่ควรเก็บไว้นาน (อายุประมาณ 2 ปี)

     - ควรเก็บรักษาไว้ในตู้เย็น

2. เมล็ดพันธุ์แบบเคลือบ (Pelleted seed)

     - เมล็ดสลัดแบบเคลือบ เรียกว่า Primed seed ซึ่งเมล็ดพันธุ์จะถูกกระตุ้นให้เกิดการงอกก่อน แล้วจึงนำมาเคลือบแป้ง ทำให้อายุการเก็บรักษาสั้น จึงไม่ควรเก็บไว้นาน

     - ข้อดีของเมล็ดพันธุ์แบบเคลือบ คือ จะมีอัตราการงอกสม่ำเสมอ เปอร์เซนต์การงอกสุง

     - ข้อเสียของเมล็ดพันธุ์แบบเคลือบ คือ ราคาเมล็ดพันธุ์ค่อนข้างสูง

     - ควรเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ไว้ในตู้เย็น 

 

(Root) 2010105_40202.jpg                          (Root) 2010104_77271.jpg     (Root) 2010105_40110.jpg      (Root) 2010105_40037.jpg               
                               




     
Online: 1  
Visits: 36,113  
Today: 8  
PageView/Month: 85  
Last Update: 12/5/2554     

Advertising Zone    Close

Online: 1 Visits: 36,113 Today: 8 PageView/Month: 85

ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ    อ่านเพิ่มเติม ...